บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

คำชี้แจงหนังสืออาจารย์แนบ


วันนี้มาวิพากษ์วิจารณ์หนังสือของอาจารย์แนบกันเสียที  หนังสือเล่มนี้ชื่อ “แนะแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนา วิสุทธิ ๗”  มีข้อความต่อท้ายว่า โดยอาจารย์แนบ มหานีรานนท์

หนังสือเล่มดังกล่าวเป็นการรวบรวมการสอนของอาจารย์แนบมารวมไว้ด้วยกัน โดยมูลนิธิพุทธมรดก เล่มที่ผมซื้อมานี้ เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 5 แล้ว

เนื้อหาของหนังสือก็มี ดังนี้
  • ชุดที่ 1 อิริยาบถเทศนา หลักของวิปัสสนาโดยสังเขป
  • ชุดที่ 2 แนะแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนา ขันธ์ 5
  • ชุดที่ 3 ทุกข์และการกำหนดรู้ทุกข์ องค์คุณของวิปัสสนา ปริญญาตัพพธรรม
  • ชุดที่ 4 วิสุทธิ 7

วันนี้ยังไม่ลงลึกลงไปในหนังสือแต่มาวิพากษ์วิจารณ์ส่วนนำของหนังสือเล่มนี้ก่อน

ส่วนนำของหนังสือมี 2 ส่วนคือ “คำชี้แจง” กับ “กถามุข”  “คำชี้แจง” มีคนเขียน 2 คน คือ อนุรักษ์ธรรมโมกับ ส. อภิรักษ์  ส่วน “คำชี้แจง” ส. อภิรักษ์ เขียนคนเดียว

เริ่มต้นที่คำชี้แจงกันเลย ย่อหน้าแรกเลยเขียนไว้ดังนี้

เนื้อหาสาระในหนังสือ “แนวแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนา” เล่มนี้ ได้รวบรวมเหตุผล หลักฐานในพระไตรปิฎก และอรรถกถาไว้พอสมควร

หนังสือเล่มนี้ พอเริ่มแรกก็โกหกกันเลย  แต่เป็นการโกหกที่ค่อนข้างจะแนบเนียน

ผมได้บอกไปแล้วว่า การสอนของพระพม่านั้น ไม่เคยอ้างอิงพระไตรปิฎก  สอนตามความเชื่ออย่างเดียว  เดินจงกรม พิจารณาพระไตรลักษณ์กันอย่างเดียว  การทำอย่างนั้น มันไม่ตรงกับพระไตรปิฎก รวมถึงหนังสือวิสุทธิมรรคตามที่พระพม่าอ้างกัน

เมื่อหนังสือบอกไว้ว่า “ได้รวบรวมเหตุผล หลักฐานในพระไตรปิฎก และอรรถกถาไว้พอสมควร”  มันก็ขัดกับทฤษฎีของผม ผมก็ตามหาอ่านมานาน  แล้วผมก็พบว่า คนทำหนังสือเล่มนี้ทำแบบนี้

ถ้าใครทำเคยทำหนังสือจะเข้าใจเรื่องได้ง่าย ถ้าไม่เคยทำ แต่เคยอ่าน คิดๆ หน่อยก็เข้าใจง่าย 

หนังสือนั้น เขามีหลักการโดยทั่วไปว่า หน้าแรกของบทต่อไป จะต้องอยู่ขวามือของคนอ่าน ใครไม่เคยสังเกตก็ไปสังเกตเสีย  มีหนังสือน้อยเล่มมา ที่จะเอาหน้าบทไปไว้ซ้ายมือ

ที่นี้ในเมื่อบทก่อนหน้านี้ มันไม่ลงที่หน้าซ้ายมือจะทำอย่างไร  เราก็ต้องหาข้อความอื่นๆ ไปพิมพ์ไว้แทน ไม่ควรปล่อยหน้ากระดาษให้ว่างไปเฉยๆ

ตามหน้าว่างๆ แบบนี้แหละ หนังสือเล่มนี้ได้เอาเนื้อหาของพระไตรปิฎกพิมพ์ลงไป แล้วก็อ้างอิงตามหลักการ  แต่ในเนื้อหาคำสอนของอาจารย์แนบ ไม่มีพระไตรปิฎกยืนยันเช่นเดิม

อย่างนี้มันโกหกไหมละท่าน..

ต่อมา คำชี้แจงหนังสืออาจารย์แนบก็เริ่มโจมตีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิปัสสนาตามแบบคนอื่นๆ ว่า

โดยมากเข้าใจผิดไปว่า ..... และเข้าใจว่า จะเกิดปัญญาญาณรู้เห็นที่วิเศษกว่าความรู้เห็นของคนปกติธรรมดา เช่น รู้เห็นความเป็นไปต่างๆ ในโลกนี้ รู้เห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตล่วงหน้าได้ เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นคนที่ตายไป ได้เกิดในภูมิชั้นนั้นชั้นนี้ เป็นต้น

เห็นเลข เห็นเบอร์ ต่างๆ ฯลฯ ทำให้เป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนเป็นอันมาก

จะเห็นว่า คำชี้แจงของหนังสือเล่มนี้ ก็ผิดแบบฉิบหายวายป่วงไปแล้ว  เป็นความผิดที่ต้องการจะโจมตีคนอื่นอย่างเดียว

การเห็นตามที่เขียนไปข้างบนนั้น มีพระไตรปิฎกยืนยันว่า “ทำได้” แต่ไม่ใช่เกิดจากวิปัสสนา วิปัสสนานั้นคือ เห็นแจ้งใน ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ และ ปฏิจจสมุปบาท 12 เท่านั้น  การรู้เห็นอย่างที่เขียนไปข้างบน อยู่ที่วิชาอื่น เช่น วิชชา 3 เป็นต้น

ตรงนี้ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจนว่า สาวกพระพม่าไม่เชื่อนรกสวรรค์มีจริง  สาวกพระพม่าเชื่อวิทยาศาสตร์มากว่าพระไตรปิฎก  การปฏิบัติธรรมแบบของสายพม่านั้น  ถ้าเอาเกณฑ์มาจับกันจริงๆ ไม่ใช่การปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธ

การปฏิบัติธรรมแบบของสายพม่านั้น ไม่สามารถทำให้จิตสงบหรือหยุดนิ่งได้เลย เพราะ มัวอยู่กับอารมณ์ปัจจุบันของการเคลื่อนไหวร่างกายเท่านั้น

ข้อความที่ว่า “เห็นเลข เห็นเบอร์ ต่างๆ ฯลฯ ทำให้เป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนเป็นอันมาก” เป็นการแถมท้ายเพื่อสร้างความไม่น่าเชื่อถือของผู้ที่เชื่อวิปัสสนาแบบผิดๆ ตามความเห็นของหนังสือเล่มนี้

ต่อมาคำชี้แจงของหนังสือเล่มนี้ก็ให้ความหมายที่ถูกต้องของคำว่าวิปัสสนาไว้ ดังนี้

ท่านได้ให้ความหมายของ “ปัญญาที่ชื่อว่าวิปัสสนา” เพราะมีอรรถว่า “อนิจฺจา ทวเสน วิวิธากาเรน ปัสฺสตีติ วิปัสสนา” แปลว่า เห็นโดยอาการต่างๆ เกี่ยวกับอาการที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สัพเพ สังขารา อนิจจา ฯเปฯ สัพเพ สังขารา ทุกขา ฯปฯ สัพเพ ธัมมา อนัตตา” แปลว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา ดังนี้

สังขารในที่นี้เป็นขันธ์ 5 ย่อเหลือรูปกับนามไม่เที่ยง เป็นต้น ไม่ใช่เห็นอย่างอื่นเลย

จะเห็นได้ว่า หนังสือเล่มนี้ เจตนาบิดเบือนตั้งแต่ต้น  คนเขียนคำชี้แจงนี้เป็นพระทั้งคู่ ก็ต้องรู้ว่า วิปัสสนาแปลว่า “เห็นแจ้ง” และต้องรู้ว่า วิปัสสนากรรมฐานมี 6 หัวข้อดังที่ได้กล่าวไปแล้วหลายครั้ง

แต่พวกนี้ไม่เคยสนใจที่จะเชื่อ กลับไปเลือกเชื่อพระพม่าที่บอกว่า “ปัญญาที่ชื่อว่าวิปัสสนา” คือ วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญา แล้วก็ไปหลักฐานมาสนับสนุนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวมายืนยัน

ขอให้สังเกตการให้ความหมายของวิปัสสนาของคนกลุ่มนี้

1) ไม่สนใจคำแปลของวิสุทธิมรรค ไม่เคยเอ่ยถึง ถ้าจะเอ่ยถึงก็บอกว่า เป็นนามรูปทั้งหมด
2) ใช้คำว่า “เห็น” แต่ไม่ยอม “เห็น”
3) ปฏิเสธการเห็นโดยสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่พระไตรปิฏกยืนยืนไว้ไม่รู้ต่อกี่แห่งเป็นกี่แห่ง


เพียงแค่ “คำชี้แจงหนังสืออาจารย์แนบ” เราก็พอรู้ความผิดเพี้ยนของสากวของพระพม่าพวกนี้แล้ว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น