คนโกหกที่ซื่อสัตย์

คนโกหกที่ซื่อสัตย์ที่ผมหมายถึงก็คือ อาจารย์แนบ มหานีรานนท์ ผู้นำของสายนามรูป ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาจารย์บุญมี เมธางกูร กับคณะของมูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

ผมไม่เคยสนใจอาจารย์แนบมาก่อน และไม่รู้จักด้วย ที่ต้องมาสนใจก็เพราะ ผมอ่านหนังสือของพระมหาโชดกเพื่อที่จะวิพากษ์วิจารณ์  พระมหาโชดกเอ่ยถึงชื่ออาจารย์แนบ  ผมก็ตามมาอ่านอีก

ผมจึงพบว่า สาวกพระพม่าตาบอดในประเทศไทยมีหลายสาขา เช่น วัดมหาธาตุ วัดท่ามะโอ ลำปาง และสายของอาจารย์แนบ ฯลฯ เป็นต้น

ในขณะที่สาขาของพระพม่าตาบอดสาขาอื่นๆ เพื่อแพร่วิชาของตัวเองไปด้วย และก็โจมตีสายปฏิบัติธรรมของไทยไปด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระมหาโชดก  แต่อาจารย์แนบนี่ เผยแพร่อย่างเดียว ไม่เคยโจมตีใคร

ผลงานการเผยแพร่การสอนของอาจารย์แนบ มีลูกศิษย์ลูกหาพิมพ์เป็นหนังสือออกมาแล้ว ดังภาพที่อยู่ด้านบน

นอกจากจะพิมพ์เป็นหนังสือแล้ว ยังมีการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์อีกจำนวนมาก  ส่วนใหญ่ที่ตรวจสอบแล้ว ก็ซ้ำๆ กัน  คือ มีการเผยแพร่คำสอนไปหลายสื่อว่าอย่างนั้นเถอะ

การสอนของอาจารย์แนบนั้น ตรงกับการสอนของพระพม่ามากกว่าการสอนของพระโชดก แต่อย่างว่า พระโชดกอยู่วัดมหาธาตุ มีอาจารย์สนับสนุนเป็นพระผู้ใหญ่  ต่อมาวัดมหาธาตุเป็นมหาวิทยาลัยด้วย  การเผยแพร่ของมหาโชดกจึงมีคนรู้จักมากกว่า

อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า อาจารย์แนบท่านมีความดีของท่านอยู่อย่างหนึ่งก็คือ กูสอนของกูอย่างเดียว ไม่โจมตีใคร ตอนนี้ ท่านตายไปแล้ว และได้ไปอยู่สวรรค์ชั้น 1 ต่างกับพระโชดกที่ตกนรก ทั้งๆ ที่ตายในท่านั่งปฏิบัติธรรม

ถ้าถามว่า ทำไมผมถึงบอกว่า อาจารย์แนบ เป็นคนโกหกที่ซื่อสัตย์  ที่ว่าอย่างนั้นก็เพราะว่า สิ่งที่อาจารย์แนบสอน เป็นสิ่งที่ไม่จริง เป็นของโกหกทั้งสิ้น

แต่เนื่องจากอาจารย์แนบ ไม่รู้ว่าสิ่งที่สอนอยู่เป็น “ของไม่จริง” เพราะ เชื่อไปตามพระพม่าตาบอดทั้งหลาย ท่านก็สอนไปตามความเชื่ออย่างซื่อสัตย์  ไม่ได้ระแวงเลยว่า อาจารย์ของท่านรู้ไม่จริง

ขอยกตัวอย่างการสอนของอาจารย์แนบ เรื่อง “แนะแนวทางปฏิบัติวิปัสสนา”  เฉพาะส่วนที่สำคัญ ดังนี้

วิปัสสนาคืออะไร

ทีนี้เราก็มาเพียรในการเข้าทำวิปัสสนา คำว่าวิปัสสนาคืออะไร วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญา มีปัญญาชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า วิปัสสนา

ปัญญามีชื่อเรียกมากทีเดียว มีชื่อต่างๆ กัน แต่ว่าปัญญาที่ชื่อวิปัสสนา ปัญญานี้รู้อะไร?

ปัญญาวิปัสสนารู้ว่า นามรูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร เป็นอนัตตาไม่มีตัวตน รู้อย่างนี้แหละเรียกว่า วิปัสสนา

ท่านจะต้องเข้าใจหลักความรู้ของวิปัสสนาเสียก่อน ถ้าปัญญาวิปัสสนาเกิดแล้วก็แปลว่าต้องรู้ว่า รูปนาม ไม่เที่ยง หรือรูปนาม เป็นทุกข์ หรือรูปนาม ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสารอะไร อย่างนี้อันใดอันหนึ่งก็ได้

ที่รู้อย่างนี้นี่แหละเรียกว่าวิปัสสนา ต้องมีนามรูปรองรับ

แต่ต้องมีนามรูปนะ ต้องนามรูปไม่เที่ยง ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าอะไรไม่เที่ยง เราจะเข้าไปทำวิปัสสนาเพื่อจะรู้ว่านามรูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน นี่แหละหลักที่จะเข้ามาทำวิปัสสนาเพื่อจะรู้อย่างนี้

แล้วเราจะดูอะไรเล่า ถึงจะเห็นนามรูปไม่เที่ยง เราก็ต้องดูนามรูป เราจึงจะเห็นนามรูปไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นผู้ทำวิปัสสนานี้ จะต้องมีนามรูปรับรองความรู้อยู่เรื่อย

ถ้าคราวไหนไม่มีนาม ไม่มีรูปรับรองแล้ว ก็แปลว่า รู้แล้วก็รู้นิ่งไป ถึงแม้นิ่งไปไม่ฟุ้งก็ตาม แต่ว่าใช้ไม่ได้ ความรู้สึกอันนั้นใช้ไม่ได้ จะต้องมี นาม มี รูป อยู่เสมอ

เหมือนกับคนไปเรียนหนังสือ เด็กไปเรียนหนังสือเข้าโรงเรียนใหม่ๆ ต้องมี ก. ไก่ ข. ไข่ ต้องมีตัวหนังสืออยู่เรื่อย ต้องอ่านหนังสือ ต้องมีตัวหนังสือรับรองอยู่เรื่อย ไม่งั้นก็อ่านหนังสือไม่ออก ไปโรงเรียนแต่ไม่ดูหนังสือ เป็นอ่านหนังสือไม่ออก

ดูข้อความที่เน้นสีแดงไว้ จะเห็นว่า อาจารย์แนบผิดตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว วิปัสสนาภูมิหรือวิปัสสนากรรมฐาน ต้องเรียน 6 หัวข้อธรรมะ ดังนี้

• ขันธ์ 5
• อายตนะ 12
• ธาตุ 18
• อินทรีย์ 22
• อริยสัจ 4
• ปฏิจจสมุปบาท 12

อาจารย์แนบบอกว่า เป็นชื่อของปัญญา  และปัญญาทั้งหมดก็ไปเรียนเรื่องเดียวคือ “นามรูป” 

อาจารย์แนบนี่ แปลงหัวข้อธรรมะทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ไปเหลือแค่ “นามรูป” แล้วก็เรียนอยู่แค่นั้นแหละ ไม่เคยเรียนเรื่องอะไรทั้งสิ้น

อะไรๆ กูก็แปลงเป็นนามรูปทั้งหมด

ที่ต้องเน้นมากก็คือ ไม่ว่าจะเรียนอะไร ก็ต้องใช้วิธีเดินไปเดินมา พิจารณาพระไตรลักษณ์อยู่อย่างเดียว   ทำอยู่แค่นั้น  ถึงว่า เมื่อแกตายไป ถึงได้อยู่แค่สวรรค์ชั้นที่ 1 เท่านั้น

อาจารย์แนบไม่เคยอ้างพระไตรปิฎก ท่านสอนของท่านไปอย่างนั้น สอนไปเรื่อยๆ สอนไปจนตาย ผมถึงว่า แกเป็นคนโกหกที่ซื่อสัตย์