บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิปัสสนาคืออะไร

ในหนังสือ “แนะแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนา วิสุทธิ ๗” มีหลักของวิปัสสนาโดยสังเขปของอาจารย์แนบอยู่ 6 หน้า  ไม่มีการอ้างอิงจากพระไตรปิฎก รวมถึงอรรถกถา ฎีกา อนุฏีกาแต่อย่างใด มีแต่คำบรรยายของอาจารย์แนบล้วนๆ

และก็ผิดไปจากพระไตรปิฎกล้วนๆ เหมือนกัน ถึงไม่มีการอ้างอิงเอกสารในทางวิชาการของศาสนาพุทธแต่อย่างใด

หลักของวิปัสสนาโดยอาจารย์แนบ มี 5 ข้อ ดังนี้
  • วิปัสสนาคืออะไร
  • อารมณ์ของวิปัสสนาได้แก่อะไร
  • ประโยชน์ของวิปัสสนามีอย่างไร
  • ธรรมที่เป็นอุปสรรคแก่วิปัสสนาได้แก่อะไร
  • ธรรมที่เป็นอุปการะแก่วิปัสสนามีอะไรบ้าง

เรามาเริ่มแรกกันที่หัวข้อ “วิปัสสนาคืออะไร”  อาจารย์แนบเขียนไว้ดังนี้

วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญา ที่ เห็น นามรูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ที่เรียกว่า ไตรลักษณ์ ไม่ใช่ เห็น พระพุทธเจ้า พระอินทร์ พระพรหม เห็นนรก เห็นสวรรค์ หรือเห็นอะไรอื่นๆ

นั่นคือความหมายของวิปัสสนาโดยอาจารย์แนบ มหานีรานนท์ เรามาตั้งข้อสังเกตกันก่อน

1) งานเขียนในทางศาสนาโดยทั่วไป มักจะแปลศัพท์จากภาษาบาลีกันก่อน และส่วนใหญ่จะอ้างพจนานุกรมภาษาบาลีเป็นหลักฐานยืนยัน งานเขียนของอาจารย์แนบไม่เคยมีลักษณะอย่างนั้น

ตรงนี้ผู้อ่านอาจจะแย้งว่า ตรงนี้เป็นเรื่องสั้นๆ ตามหัวข้อ “หลักของวิปัสสนาโดยสังเขป” ถ้าสงสัยอย่างนั้น  เอายาวๆ ก็ได้

ในอีกแห่งหนึ่ง เขียนไว้ดังนี้ [หน้า 12 ของ “แนะแนวทางการปฏิบัติ]

วิปัสสนาคืออะไร

ทีนี้เราก็มาเพียรในการเข้าทำวิปัสสนา คำว่าวิปัสสนาคืออะไร วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญา มีปัญญาชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า วิปัสสนา

ปัญญามีชื่อเรียกมากทีเดียว มีชื่อต่างๆ กัน แต่ว่าปัญญาที่ชื่อวิปัสสนา ปัญญานี้รู้อะไร?

ปัญญาวิปัสสนารู้ว่า นามรูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร เป็นอนัตตาไม่มีตัวตน รู้อย่างนี้แหละเรียกว่า วิปัสสนา

ท่านจะต้องเข้าใจหลักความรู้ของวิปัสสนาเสียก่อน ถ้าปัญญาวิปัสสนาเกิดแล้ว ก็แปลว่า ต้องรู้ว่า รูปนาม ไม่เที่ยง หรือรูปนาม เป็นทุกข์ หรือรูปนาม ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสารอะไร อย่างนี้อันใดอันหนึ่งก็ได้ ที่รู้อย่างนี้นี่แหละเรียกว่า วิปัสสนา

จะเห็นว่า การเขียนทั้ง 2 แห่งนี้ ไม่มีการอ้างอิงเอกสารประกอบแต่อย่างใด และผมก็ขอยืนยันว่า “ไม่มีเอกสารรับรอง”  นิสัยของพระพม่า กับสาวกพระพม่าเป็นอย่างนี้ มั่วอย่างเดียว คุยโม้โอ้อวดอย่างเดียว ไม่มีหลักฐานใดๆ

2) ใช้ศัพท์มั่ว

ข้อความแรก “วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญา ที่ เห็น” ข้อความตรงนี้ เน้นไปว่า วิปัสสนาต้องเห็น และก็มีการปฏิเสธด้วยว่า “ไม่ใช่ เห็น พระพุทธเจ้า พระอินทร์ พระพรหม เห็นนรก เห็นสวรรค์ หรือเห็นอะไรอื่นๆ

แต่มาอีกข้อความหนึ่ง ไม่พูดถึงเห็นแล้ว กลับไปกล่าวถึง “รู้” แทน
รู้อย่างนี้แหละเรียกว่า วิปัสสนา
ถ้าปัญญาวิปัสสนาเกิดแล้ว ก็แปลว่า ต้องรู้ว่า รูปนาม ไม่เที่ยง
ที่รู้อย่างนี้นี่แหละเรียกว่า วิปัสสนา

เห็นความ “มั่ว” ของอาจารย์แนบกันหรือยัง  ตกลงวิปัสสนาจะ “รู้” หรือ “เห็น” กันแน่  ที่นี่ไปดูหลักฐานกันก่อน 

พจนานุกรมราชบัณฑิตตยสถาน ฉบับออนไลน์ ให้ความหมายไว้ ดังนี้

วิปัสสนา [วิปัดสะนา] น. ความเห็นแจ้ง, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งในสังขารทั้งหลายว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา. (ป.).

http://th.wikipedia.org/wikiวิปัสสนา/ ให้ความหมายไว้ ดังนี้

วิปัสสนา แปลตามศัพท์ว่า การเห็นชัดเจน หรือ การเห็นแจ้ง

http://www.thaieditorial.com/tag/ความหมายของวิปัสสนา/ ให้ความหมายไว้ ดังนี้

วิปัสสนา แปลว่า ความรู้แจ้งและเห็นจริง แยกคำว่า วิปัสสนาออกเป็นสองศัพท์ คือ วิ ศัพท์หนึ่งแปลว่า วิเศษ แจ้ง ต่าง และ ปัสสนา ศัพท์หนึ่ง แปลว่า เห็นจริง ส่วนคำว่า วิปัสสนา จึงแปลว่า ความรู้แจ้งและเห็นจริง คือทั้งเห็นทั้งรู้

ดังนั้น วิปัสสนานั้น แปลให้ดีที่สุดก็คือ คำแปลด้านบนจาก www.thaieditorial.com เพราะ แยกศักพ์ว่า แต่ละคำแปลว่าอะไร แล้ว เมื่อนำคำมารวมกันแล้วแปลว่า อะไร

ไม่ใครแปลวิปัสสนาว่า “วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญา”   นี่คือการแปลมั่ว แบบเอาสีข้างเข้าถู [สำนวนเอาสีข้างเข้าถูนี่ น่าจะมาจากอาการของควายคันสีข้างของมัน]

ต่อจากนั้นมา  ในงานเขียนของอาจารย์แนบนั้น จะใช้ “เห็น”, “ดู” ตลอด แต่ไม่มีการเห็น การดูในคำสอนของอาจารย์แนบแต่อย่างไร

ก่อนจบบทความนี้ มาที่ข้อความนี่อีกครั้งหนึ่ง

วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญา ที่ เห็น นามรูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ที่เรียกว่า ไตรลักษณ์ ไม่ใช่ เห็น พระพุทธเจ้า พระอินทร์ พระพรหม เห็นนรก เห็นสวรรค์ หรือเห็นอะไรอื่นๆ

สาวกพระพม่าชอบอ้างคัมภีร์วิสุทธิมรรค แต่ก็อ้างไปลอยๆ อย่างนั้นเอง เนื้อหาคำสอนไม่เคยสอดคล้องกับเนื้อหาของคัมภีร์วิสุทธิมรรค

วิปัสสนาภูมิ ตามที่แสดงไว้ในวิสุทธิมรรคนั้น ได้แก่ ธรรมะ 6 หัวข้อใหญ่ 73 หัวข้อย่อย ดังนี้
  • ขันธ์ 5
  • อายตนะ 12
  • ธาตุ 18
  • อินทรีย์ 22
  • อริยสัจ 4
  • ปฏิจจสมุปบาท 12

พูดง่ายๆ ก็ว่า วิปัสสนาต้องเห็นจริงใน ขันธ์ 5  อายตนะ 12  ธาตุ 18  อินทรีย์ 22  อริยสัจ 4  และปฏิจจสมุปบาท 12 จึงจะต้องถูก

ที่อาจารย์แนบสอนมานั้น พระพม่าสอนมานั้น สาวกพระพม่าในเมืองไทยสอนมานั้น ไม่ใช่วิปัสสนา และก็ขอบอกล่วงหน้าไปก่อนเลย ไม่ใช่สติปัฏฐาน 4 อีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น